เทคนิคการนอนสนามบินแบบมืออาชีพ

กันยายน 8, 2017 เทคนิคการเดินทาง

หลังจากผ่านการเดินทางมาหลายต่อหลายที่ ทราบไหมครับว่าหนึ่งในสุดยอดเคล็ดลับของการเดินทางที่ผมค้นพบก็คือ … การนอนสนามบิน  ย้อนกลับไปเมื่อสมัยที่ผมยังหนุ่มๆ ยังไม่มีกลิ่นอายของความเป็นแบ็คแพ็คเกอร์เลยแม้แต่นิด สมัยนั้นไม่ว่าเครื่องบินจะถึงสนามบินปลายทางดึกดื่นค่ำคืนแค่ไหนก็จะต้องดิ้นรนหารถออกมา หาทางเข้าเมืองเพื่อไปนอนโรงแรม หรือ โฮสเทล ให้ได้ แต่พอเดินทางบ่อยเข้า เราจะพบข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่ว่า เครื่องบินที่ราคาถูกกว่าปกติ มักจะเป็นเครื่องที่ต้องรอต่อเครื่องเวลานานๆ ซึ่งก็แน่นอนว่าบ่อยครั้งที่ต้องไปรอเครื่องบินข้ามคืน บางทีเครื่องก็ออกแต่เช้า จะนั่งรถไปตอนตี 4 ก็กะไรอยู่ คิดไปคิดมาไปนอนรอที่สนามบินก่อนวันนึงเลยจะง่ายกว่า … น้่นก็เลยเป็นสาเหตุที่มาของความจำเป็นที่ต้องนอนสนามบินครั้งแรกๆ ของผมนั่นเอง

ต่อมา เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้บ่อยๆ เข้าก็เลยกลายเป็นความเคยชิน ยิ่งชินเข้านานๆ ก็กลายเป็นเห็นข้อดีของการนอนสนามบินขึ้นมา เพราะนอกจาก จะเสียเงินค่าตั๋วเครื่องบินถูกกว่าแล้ว ยังประหยัดเงินค่านอนโรงแรม แถมยังไม่ต้องเสียเวลานั่งรถไปกลับสนามบินอีก อาหารการกินในสนามบินก็หาง่าย ยิ่งสนามบินที่ได้มาตรฐานนี่ อาหารการกินมากมาย ถึงจะแพงกว่านอกสนามบิน แต่ในประเทศที่เจริญแล้ว ราคาจะไม่แตกต่างกันมาก อย่างน้อยถ้าไม่กินข้าว ก็มีตู้น้ำดื่มให้กินฟรี มีห้องอาบน้ำให้อาบ มี Wifi ให้เล่น (ถึงส่วนใหญ่จะจำกัดเวลาก็เถอะ) มีปลั๊กไฟให้เสียบ เรียกว่ากินอยู่ หลับนอนได้สบาย

พูดถึงข้อดีของการนอนสนามบินมาถึงขนาดนี้แล้ว  คงเริ่มรู้สึกอยากจะไปนอนสนามบินกันแล้วใช่ไหมครับ แต่ก่อนจะไปลองสนามจริง ผมได้รวบรวมข้อมูลเทคนิคต่างๆ จาก website  sleepinginairports.net แล้วแทรกด้วยประสบการณ์จากตัวผมเองเข้าไปด้วย เชื่อเหลือเกินว่า สนามบินส่วนใหญ่ที่ได้มาตรฐานจะเป็นลักษณะแบบนี้ มาดูกันว่า เทคนิคในการนอนสนามบินมีอะไรบ้าง

แนะนำให้ดูภาพยนตร์เรื่อง The Terminal ที่ ทอมแฮงค์เล่นเป็นพระเอก เชื่อเหลือเกินว่าคงจะได้เห็นภาพชีวิตความเป็นอยู่ในสนามบินอย่างชัดเจน เพราะในเรื่องพระเอกพระเอกต้องติดอยู่ที่สนามบินนานถึง 9 เดือนกว่าจะออกไปได้ เราจะได้เห็นการใช้ชีวิตในสนามบินได้อย่างชัดเจนจากภาพยนตร์เรื่องนี้

1. มีแผนสำรองไว้เสมอ

ถ้าคุณต้องการจะนอนสนามบินให้ได้แน่ๆ ก็อาจจะต้องมีการเตรียมตัวบ้างครับ เพราะไม่ใช่ทุกสนามบินที่ยอมให้คุณนอนได้ ยกตัวอย่างผมเคยไปที่สนามบินที่อินเดีย เนื่องจากเครื่องออกตอน 7 โมงเช้า เลยไม่อยากจะตื่นเช้าแล้วหารถไป เลยตั้งใจจะไปนอนสนามบินล่วงหน้าก่อนคืนนึง พอไปถึงก็จะเจอกับการตรวจตั๋วเครื่องบิน เพราะถ้าไม่มีตั๋วจะห้ามเข้าสนามบิน และต่อให้มีตั๋ว ก็ห้ามเข้าสนามบินก่อนเวลาทีกำหนด เช่น ห้ามเข้าสนามบินก่อนเครื่องออก 4 ชั่วโมง เป็นต้น ถ้าเราบอกเหตุผลไปว่ามารอเครื่องออกพรุ่งนี้ก็คงจะโดนถามว่า ทำไมไม่ไปนอนโรงแรม ก็เป็นได้ ข้อนี้ต้องทำการบ้านไปก่อนครับ สามารถดูข้อมูลแต่ละสนามบินได้ที่  airport guides จะมีข้อมูลสนามบินทั่วโลกกว่า 800 แห่ง จะบอกว่า มีห้องพักในสนามบินไหม มี Wifi หรือเปล่า มีห้องอาบน้ำไหม  เป็นต้น แต่สำหรับผม ผมชอบลุ้นเอา ได้ก็เป็นกำไร ไม่ได้ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี ก็เลยไม่เคยหาข้อมูลก่อนเลย

2. วางแผนล่วงหน้า

การนอนให้หลับในสนามบินสำหรับบางคนไม่ใช่เเรื่องง่ายเลย ดังนั้น เพื่อการนอนสนามบินที่สบาย จำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์ติดตัวไว้บ้าง อุปกรณ์ที่ผมแนะนำให้มีติดกระเป๋าไว้คือ

  • ผ้าปิดตา (อาจจะเอาผ้าทึบๆ ปิดตาเอาก็ได้) เพราะสนามบินไม่มีปิดไฟ อาจจะมีหรี่ตอนดึกๆ ได้บ้าง ในกรณีสนามบินในประเทศ กลางคืนจะไม่มีเที่ยวบิน แต่ยังไงก็ยังหลับยากเพราะแสงมันแยงตา
  • ยางอุดหู หรือหูฟัง สำหรับกันเสียงรบกวน เพราะสนามบินเป็นที่ๆมีคนพลุกพล่านทั้งคืน แน่นอนว่าจะมีเสียงคนเดิน เสียงประกาศ เสียงคนคุยกันดังไปหมด การหลับให้ได้ในสภาพนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
  • ขวดน้ำ สนามบินที่ได้มาตรฐานจะมีตู้สำหรับเติมน้ำดื่มให้ พร้อมแก้วกระดาษให้ แต่จะง่ายกว่าเยอะถ้าเราเติมใส่ขวดไว้ให้พร้อม เผื่อบางทีเราต้องไปนอนห่างจากตู้น้ำ จะได้ไม่ต้องเดินไปมาบ่อยๆ
  • ถุงนอน , แผ่นรองนอน และ หมอน  ถุงนอนจะจำเป็นมากถ้าคุณต้องการความสบายและความอุ่นในการนอน เพราะ สนามบินแทบทุกแห่งเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน คุณอาจจะต้องเผชิญกับความหนาวเย็น โดยเฉพาะถ้าต้องนอนบนพื้น การมีถุงนอนจะช่วยได้มาก นอกจากนั้นการอยู่ในถุงนอนยังช่วยปิดบังท่านอนเฉพาะตัวที่คุณไม่ต้องการให้คนเห็นได้ ส่วนแผ่นรองนอนและหมอน เป็นทางเลือกเสียมากกว่า แผ่นรองนอนและหมอนสมัยใหม่ขนาดเล็ก พกพาง่าย รวมกันอาจจะหนักไม่ถึง 500 กรัมด้วยซ้ำ เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ผมพกติดตัวไปทุกครั้งที่เดินทาง (เพราะผมไปตั้งแคมป์ เดินป่าซะส่วนใหญ่ เลยจะพกไปอยู่แล้ว) แต่ถ้าคุณไม่ได้ไปแบบผม ก็อาจจะใช้เสื้อใช้กระเป๋าหนุนหัวนอนแทนได้
  • นาฬิกาที่ตั้งเวลาปลุกได้ เพราะคุณคงไม่อยากจะหลับเพลินจนเลยเวลาเครื่องออกเป็นแน่  มีเทคนิคนึงที่มีคนแนะนำกันก็คือ การเขียนใส่กระดาษแล้ววางไว้ให้คนเห็นชัดๆ ว่า ” ปลุกผม ตอนตี 5 หน่อย”  เค้าแนะนำว่าได้ผลดี แต่สำหรับนักเดินทาง การฝากชีวิตไว้กับคนอื่น เป็นสิ่งที่ผมแนะนำให้พึงหลีกเลี่ยงครับ ปลุกตัวเองให้ได้ดีที่สุด

ข้อแนะนำเพิ่มเติม คือ หาข่าวไว้บ้าง บางครั้งถึงคราวซวยมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น คุณอาจจะต้องอยู่ในสนามบินนานกว่าแผ่นที่วางไว้ การมีอุปกรณ์ที่แนะนำไว้ จะช่วยให้อยู่สนามบินได้อย่างสบายยิ่งขึ้น

3. พิจารณาความปลอดภัย

ไม่ว่าคุณจะนอนที่สนามบินคนเดียว หรือ มีเพื่อนไปด้วย ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ ข้อแนะนำคือ ให้ไปหาที่นอนในที่ที่มีการติดกล้องวงจรปิดไว้ ถ้าหากพื้นที่ที่คุณนอนไม่ปลอดภัย เจ้าหน้าที่ที่ดูกล้องวงจรปิดอยู่ก็จะมาแจ้งให้คุณย้ายที่นอนได้ แต่ถ้าคุณเดินทางคนเดียว ผมแนะนำให้ไปนอนในที่ที่มีนักเดินทางคนอื่นนอนอยู่บ้าง ให้มั่นใจว่าคุณไปนอนในกลุ่มนักเดินทางนะครับ ไม่ใช่คนไร้บ้านที่มาอาศัยสนามบินนอน เท่าที่ทราบยังไม่เคยมีรายงานว่ามีการทำร้ายร่างกายคนที่นอนในสนามบิน แต่เรื่องของหายนี่มีอยู่บ้าง เพราะงั้นระวังป้องกันไว้ไม่เสียหายครับ

4. ไปถึงแต่เนิ่นๆ

ในสนามบินที่มีคนพลุกพล่าน การหาที่นอนจะทำได้ยาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณต้องทำ คือการไปถึงแต่เนิ่นๆ  สำหรับบางสนามบินนี่ดูเหมือนจะกลายเป็นค่ายกักกันผู้อพยพไปเลยในเวลากลางคืน ถ้าคุณไปถึงดึกหรือค่ำเกินไปอาจจะไม่มีที่แม้แต่จะให้คุณนั่งก็เป็นได้

การนอนสนามบิน อย่าคิดว่าจะได้นอนบนเก้าอี้ยาวนะครับ โอกาสมี แต่น้อยมาก เพราะเท่าที่เจอมา เก้าอี้สนามบินจะมีพนักพิงแขนกั้นที่นั่งไว้ ทำให้เราไม่สามารถจะนอนยาวได้ จะด้วยความตั้งใจป้องกันคนนอนของสนามบินหรือไม่เราก็คงไม่อาจจะรู้ได้ เอาเป็นว่า ทำใจไว้ก่อนว่าจะได้หาที่นอนบนพื้นละกันครับ

5. หาทำเลทอง

ในชีวิตการนอนสนามบินของผม สิ่งที่ยากที่สุด คือการหาทำเลทองนี่แหละครับ เทคนิคขั้นแรกที่แนะนำคือ สำรวจสนามบินก่อน ถ้าคุณไปถึงก่อนเวลา คุณจะมีเวลาสำรวจเยอะ ในสนามบินที่มีขนาดใหญ่ อาจจะต้องมีการนั่งรถชัตเตอร์บัส หรือรถรางเพื่อข้ามไปเทอมินัลอื่น เราอาจจะเจอทำเลทองที่นั่นก็เป็นได้ ถ้าในสนามบินมีทั้งส่วนต่างประเทศและในประเทศ เรามักจะพบว่า สนามบินในประเทศจะปิดตอนกลางคืน เราก็จะย้ายไปนอนที่ส่วนต่างประเทศที่เปิดทั้งคืนแทน การเลือกทำเลทองให้พิจารณาถึงพื้นที่นอน อุณหภูมิ ความพลุกพล่านของคน การประกาศแจ้งเตือน และเรื่องความปลอดภัย บางทีอาจจะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มาช่วย เช่นไปหลบนอนหลังเคาร์เตอร์ขายตั๋วที่ปิดแล้ว แหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดคือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พนักงานสนามบิน ถ้าคุณมนุษยสัมพันธ์ดี เค้าอาจจะใจดีช่วยแนะนำทำเลทองให้กับคุณเอง

6. นอนในที่จอดรถแทน

ไม่ว่าคุณจะตั้งใจไปนอนสนามบินเอง หรือเกิดเหตุให้ต้องติดอยู่ที่สนามบินข้ามคืน มีโอกาสที่คุณจะทนสภาพแวดล้อมในสนามบินไม่ได้ แต่จะไปเปิดห้องโรงแรมนอนก็ไม่มีเงินพอ เคล็ดลับประการหนึ่งคือ เดินไปหาบริษัทเช่ารถ ดูราคาเทียบกับค่าโรงแรม ถ้าถูกกว่าอย่างมีนัยสำคัญแล้วละก็ ติดต่อเช่ารถมาคันนึง แล้วก็นอนมันในรถนั่นแหละ  ข้อดีคือจะไม่มีใครมาวุ่นวายกับคุณ ไม่มีเสียงหนวกหู ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาไล่ ไม่ต้องกลัวของหาย อาจจะห่างห้องน้ำบ้าง แต่อย่างน้อยคุณก็สามารถจะปรับเบาะเอนนอนได้อย่างสบายใจ แนะนำให้ ดูเรื่องเวลาส่งรถคืนด้วย เพราะถ้าเครื่องบินเราออกเช้ามากๆ บริษัทรถยนต์อาจจะยังไม่มีเจ้าหน้าที่มารับรถคืน

7. ดูแลทรัพท์สินของตัวเอง

ประเด็นสำคัญอย่างหนึ่งที่ผมมักจะเป็นกังวลมากเวลานอนคือ กลัวว่าเวลาตื่นมากระเป๋าผมจะหายไป ถ้าหากคุณไม่ต้องการใช้บริการรับฝากของ ของสนามบินแล้วละก็ (ส่วนใหญ่ไม่รับฝากข้ามวัน) คุณจะต้องคิดหาวิธีว่าทำยังไงเราถึงจะรู้ตัวเวลาที่มีคนทำอะไรกับสัมภาระของเรา ข้อนี้ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัวครับ บางคนก็ใช้วิธีวางของให้ซิปเปิดกระเป๋าหันเข้าหาตัว วางกระเป๋าชิดกับตัว หรือ ตอนนอนก็เอากระเป๋ามาหนุนหัว เอามือวางพาดบนกระเป๋า หรือเอามาวางรองขา เป็นต้น แต่ถ้าบางคนหนักหน่อย ก็ใส่ล็อค แล้วเอาโซ่คล้องกับขาตัวเอง เลยก็มี โดยสรุปแล้ว ทำอะไรก็ตามให้เวลาเกิดไรขึ้นกับกระเป๋าของเรา แล้วเรารู้สึกตัว

8. แกล้งทำเป็นมือใหม่

แม้ว่าคุณจะฝึกฝนจะเป็นมืออาชีพด้านการนอนสนามบินแล้วก็ตาม จงประพฤติตัวเหมือนเป็นมือใหม่ที่ไม่เคยทำแบบนี้ที่ไหนมาก่อน ให้เสมือนว่าคุณไม่ได้ต้องการจะมาอยู่แบบนี้เลย แต่เพราะคุณไม่รู้จะไปที่ไหนดี เพราะยังไงก็ตาม สุดท้ายแล้ว สนามบินก็ไม่ใช่โรงแรม เพราะฉะนั้นอย่าไปทำตัวต่อต้านระบบ ระเบียบของสนามบิน เราแค่ไม่อยากจะเสียเงิน และเวลา เดินทางเข้าออกสนามบินซึ่งอยู่ไกลจากเมืองโดยการมาขออาศัยพัก 1 คืนเท่านั้น การประพฤติตัวเกินขอบเขต เช่น อยู่หลายๆ วัน การตากเสื้อผ้า หรือทำอาหารกินในสนามบิน จะเป็นเหตุให้คนที่มีความจำเป็นต้องนอนสนามบินจริงๆ เกิดปัญหาได้

9 ขาเข้าดีกว่า ขาออก

แน่นอนว่าห้องพักผู้โดยสารขาเข้าจะให้ความสะดวกสบายมากกว่าบริเวณใกล้กับเคาเตอร์ขายตั๋วบริเวณขาออก ถ้าลองนึกถึงแนวคิดของสนามบิน ผู้โดยสารที่เดินทางออก มักจะตรงไปที่ประตูทางออกเลย มักจะไม่นั่งอยู่นาน ในขณะที่ด้านขาเข้าจะมีที่นั่งสำหรับสมาชิกครอบครัวที่มารอรับคน เพราะอาจจะต้องรอนานหน่อย เนื่องจากเกิดเหตุเครื่องล่าช้า  หรือรอกระเป๋า แต่ข้อเสียของพื้นที่บริเวณขาเข้า ก็คือ คนอาจจะพลุกพล่านมากกว่า

10 เลือกเครื่องแต่งกายให้เหมาะสม

การแต่งตัวเป็นหลายชั้น จะช่วยให้คุณปรับตัวได้ง่ายกว่า ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรือเย็น ถ้าอากาศร้อนก็เพียงแค่ถอดชั้นนอกออก อย่าลืมพกหมวก ถุงมือ ผ้าห่มหรือถุงนอน ติดตัวไปด้วย เพราะสนามบินบางแห่งอาจจะหนาวเย็นจนคุณตัวสั่นเลยก็ไ

11 เดินทางคนเดียวฟังทางนี้

การเดินทางคนเดียวบางทีก็เป็นความลำบาก ในกรณีที่คุณจะเข้าห้องน้ำ หรืออาบน้ำ ปัญหาคือ ใครจะดูแลของให้คุณ ถึงแม้ว่าคุณจะคิดว่าในกระเป๋าคุณไม่มีอะไร แต่คุณคงไม่อยากกลับไปที่กระเป๋าแล้วเจอหน่วยเก็บกู้ระเบิด ล้อมกระเป๋าของคุณไว้แน่นอน เพราะฉะนั้น ถ้าคุณเดินทางคนเดียว คุณจำเป็นต้องพกสัมภาระติดตัวไปด้วยทุกที่ อย่าวางทิ้งไว้ ถ้าของเยอะ ก็แนะนำให้ใช้บริการรับฝากของของสนามบินแทน

12 เห็นใจเพื่อนรวมทาง

มีความเห็นอกเห็นใจเพื่อนรวมนอน (ในสนามบิน) เนื่องจากพื้นที่สนามบินจำกัด และทำเลดีมีน้อย คุณจึงมีโอกาสสูงมากที่จะมีเพื่อนรวมทางมานอนในบริเวณเดียวกัน  การที่คุณนอนไม่หลับ ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่หลับเหมือนคุณ มองบรรยากาศรอบๆ แล้วลองสังเกตุสายตาที่คนอื่นมองคุณ เค้าอาจจะไม่ได้บอกคุณด้วยปาก แต่การแสดงออกอื่นๆ ของเค้า ก็พอจะบอกใบ้อะไรได้ เพราะฉะนั้น … เกรงใจคนอื่นบ้าง

13. สิทธิพิเศษเตียงชั่วคราว

รู้หรือไม่ครับ บางสนามบินจะมีเตียงชั่วคราวให้ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เครื่องล่าช้าเป็นเวลานานๆ เช่น พายุหิมะเข้า หรือ เกิดสภาพอากาศทำให้เครื่องล่าช้า บางที่ก็จะให้หมอนกับผ้าห่มมาด้วย อุปกรณ์อาบน้ำ หรือแม้แต่คูปองอาหาร รายละเอียดสนามบินที่มีบริการนี้ สามารดูได้ที่ http://www.sleepinginairports.net/airports-with-cots.htm

14. ห้องรับรอง

คุณไม่จำเป็นต้องบินตั๋วชั้นเฟิร์สคลาส ถึงจะมีห้องรับรองใช้ ที่สนามบินบางแห่งจะมีห้องรับรองแบบจ่ายเงินเป็นรายครั้งอยู่ ซึ่งค่าธรรมเนียมการใช้บริการไม่ได้แพงอย่างที่คิด ในราคาที่จ่ายจะรวม อาหารบุฟเฟห์ เครื่องดื่ม (รวมแบบมีแอลกอฮอล์) , Wifi , ห้องอาบน้ำ และโซฟาที่นั่งสบาย บางที่ก็มีบริการนวด มีบางแห่งที่เปิด 24 ชั่วโมง แต่ส่วนใหญ่จะเปิดบริการตอนเช้า สามารถเข้าไปดูรายละเอียดสนามบินที่มีบริการห้องรับรอง ได้ที่  Airport Lounges พึงระลึกไว้วว่า ส่วนใหญ่ห้องรับรองแบบนี้จะมีรูปแบบการแต่งตัว คุณไม่จำเป็นต้องแต่งชุดแฟนซี หรือ สูท แต่ให้ดูสุภาพ และสะอาด หากเราแต่งตัวสภาพเหมือนคนจรจัดที่ชอบนอนตามสนามบินเข้าไป เราอาจจะได้รับคำปฏิเสธอ้อมๆ ว่า “เต็มครับ” ก็เป็นได้

15. ได้เวลาอาบน้ำ

หลังจากค่ำคืนของการนอนสนามบิน หรือ หลังจากเดินทางไกลก่อนจะมาถึงสนามบินแล้ว คุณอาจจะต้องการความสดชื่นและกำจัดกลิ่นซักนิด โดยเฉพาะตอนตื่นเช้าก่อนขึ้นเครื่องบิน การอาบน้ำเป็นทางเลือกที่ดี สนามบินหลายแห่งมีห้องอาบน้ำให้ บางที่ฟรี บางที่ก็เสียค่าธรรมเนียม  แต่ที่ฟรีจะมีไม่กี่ที ส่วนใหญ่จะเสียค่าธรรมเนียม ซึ่งก็จะรวมพวกแชมพู สบู่ ผ้าเช็ดตัวด้วย สามารถตรวจสนามบิน  airport guides  ที่มีบริการนี้ได้ ถ้าสนามบินไม่มีห้องอาบน้ำ สามารถไปสอบถามโรงแรมใกล้ๆสนามบินเพื่อขอใช้ห้องอาบน้ำโดยจ่ายค่าบริการได้ อีกทางเลือกหนึ่งก็คือ ห้องรับรองแบบจ่ายเงิน ที่จะมีบริการห้องน้ำอาบน้ำให้ด้วย และท้ายสุด ทางเลือกสุดท้าย … ล้างเช็ดตัวโดยใช้อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ โดยส่วนตัวผมไม่แนะนำทางเลือกนี้ แต่ถ้าจำเป็นต้องทำ ก็อย่าทำให้เลอะเทอะมากเกินไปละกันครับ

16. เวลาปลุกตอนเช้า

ถึงแม้ว่าสนามบินจะไม่ได้ออกแบบมาให้เป็นโรงแรม แต่ทางสนามบินก็เข้าใจนักเดินทางที่ออกเดินทางตอนเช้ามากๆ ก็เลยไม่ได้ห้ามการนอนในสนามบิน ทั้งบนเก้าอี้นั่ง หรือ นอนตามพื้น แต่อย่างไรก็ตามเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและไม่เป็นการรบกวนผู้โดยสารท่านอื่น ในตอนเช้าทางสนามบินจะมีเจ้าหน้าที่คอยเดินปลุก โดยทั่วไปมักจะเริ่มปลุกกันตอนราวตี 4-5 ตอนที่ผู้โดยสารรอบเช้าเริ่มทะยอยเข้าสนามบิน ถ้าไม่ใช่พื้นที่ที่มีคนผ่านไปมาก็มีแนวโน้มที่เจ้าหน้าที่จะไม่ได้ไปปลุกตรงบริเวณนั้น เท่าที่ผมเห็นมีนักเดินทางหลายคนที่ปลุกแล้วก็ไม่ยอมตื่น พอเจ้าหน้าที่ไปก็นอนต่อ ข้อแนะนำผมยังเหมือนเดิม คือ เมื่อเราใช้พื้นที่สนามบิน เราก็ควรจะเคารพกติกา มารยาทของสนามบินด้วยครับ ถึงเวลาตื่นก็ควรจะต้องตื่น

17. เตรียมบัตรเครดิตให้พร้อม

ถึงแม้ว่าการนอนในสนามบินจะเป็นการช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของเรา แต่บางครั้ง … มันก็มีช่วงเวลาที่เราจำเป็นจะต้องกัดฟันควักกระเป๋าไปนอนโรงแรมใกล้ๆสนามบิน โดยทั่วไปการจองโรงแรมล่วงหน้า จะได้เรทราคาที่ถูกกว่าการที่เราเดินเข้าไปเปิดห้องที่เคาร์เตอร์โรงแรมเอง เพราะฉะนั้น บางครั้ง เราอาจจะต้องใช้มือถือกับ Wifi ฟรีของสนามบิน เช็คราคาห้องพักในโรงแรมใกล้สนามบินก่อนที่จะไปที่โรงแรม

18. ไปสนุกให้เต็มที่

ข้อดีอย่างหนึ่งของการนอนสนามบิน ไม่ใช่แค่การประหยัดค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นสัญชาตญาณของการผจญภัยในตัวเราด้วย เพราะฉะนั้นขอให้คุณสนุกไปกับมัน การทำตัวเหมือนคุณเป็นคนจรจัดก็ไม่ใช่เรื่องแย่ไปซะทีเดียว

ทิ้งท้าย ก่อนออกไปสนามจริง

ก่อนจากขอฝากไว้นะครับ การนอนสนามบินไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรนะครับ แบ็คแพ็คเกอร์ทั่วโลก เค้าก็ทำกันเป็นเรื่่องปกติ สิ่งสำคัญคือ ให้อยู่ในขอบเขต ในกฏกติกา มารยาทของสนามบินแต่ละที่ ไม่ไปเบียดเบียน หรือทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ให้จำไว้ว่า เราไม่ได้อยากนอนสนามบิน แต่เราทำเพราะเรามีข้อจำกัดด้านงบประมาณ และเวลา เราไม่ได้นอนสนามบินหลายๆวัน เราแค่รอเครื่องออกวันถัดไปเท่านั้นเอง

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก sleepinginairports.net

แล้วพบกันใหม่ ถ้าเกิดใครไปนอนสนามบินแล้วเจอผม ก็ทักทายผมด้วยนะครับ

พีท