7 สุดยอดสถานที่ชมแสงออโรร่า

พักหลังๆนี่ ผมมักจะเห็นกระทู้ หรือบทความเกี่ยวกับการไปชมแสงเหนือกันอยู่เป็นประจำ คนส่วนใหญ่ที่ผมรู้จักก็ดั้นด้นเดินทางไปไอซ์แลนด์ กันหลายคน อันตัวผมก็เลยเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า แสงพวกนี้มันคืออะไร แล้วทำไมต้องไปดูที่ไอซ์แลนด์ไปดูที่อื่นได้ไหม ? ประจวบกับเมื่อวันก่อนผมได้อ่านบทความนึงจาก National Geographic ซึ่งเค้านำเสนอ 7 สถานที่ที่ดีที่สุดในการเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ชมแสงเหนือและแสงใต้ พอมีเวลาและโอกาสก็เลยนำข้อมูลมาแบ่งปันกันครับ ก่อนที่ผมจะพาไปดูว่าที่ไหนเหมาะกับการชมนั้น ลองมาทำความเข้าใจกับแสงเหนือกับแสงใต้กันนิดนึงครับว่ามันคืออะไร ?

แสงออโรร่าเกิดจากอะไร ?

ถ้าให้เล่ายาว แถมศัพท์วิชาการมากมายก็เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกับบทความท่องเที่ยวที่เน้นความเบาสมองเป็นหลัก เอาเป็นว่า แสงที่เราเห็นเขียวบ้าง แดงบ้าง บนท้องฟ้า เรียกว่า”แสงออโรร่า”เกิดจากการที่ดวงอาทิตย์ปล่อยอนุภาคที่มีประจุออกมา มากบ้าง น้อยบ้าง แล้วแต่จังหวะ โดยอนุภาคเหล่านั้นเมื่อเดินทางมาพบกับสนามแม่เหล็กโลก ก็จะเกิดการแลกเปลี่ยนประจุกับอนุภาคในชั้นบรรยากาศของโลก จนเกิดเป็นแสงสีสันสวยงามที่เราเรียกว่าแสงออโรร่า นั่นเอง แสงออโรร่าถ้าเกิดที่บริเวณขั้วโลกเหนือ ก็จะเรียกว่า”แสงเหนือ” และถ้าเกิดที่ขั้วโลกใต้ก็จะเรียกว่า”แสงใต้” เอาเป็นว่าลองดูใน คลิป Video อาจจะเข้าใจได้ง่ายกว่าครับ มีคำบรรยายไทยด้วย  กดเปิดดูคำบรรยายได้เลย

การที่จะเห็นแสงออโรร่านั้นขึ้นกับปัจจัยสำคัญคือ

  • ปริมาณสนามแม่เหล็กโลกถูกรบกวนจากอนุภาคจากดวงอาทิตย์มากน้อยแค่ไหน ซึ่งตัวนี้มันเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา คาดเดายาก
  • ตำแหน่งที่เราอยู่ พื้นที่ที่เห็นได้ก็จะเป็นประเทศใกล้ๆ กับขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ เช่น นอร์เวย์ ฟินแลนด์ สวีเดน ไอซ์แลนด์ แคนาดา เป็นต้น (ขั้วโลกตามสนามแม่เหล็กโลกนะครับ มันจะไม่ตรงกับขั้วโลกตามแผนที่ภูมิศาสตร์ซะทีเดียว)

นอกจากนั้นปัจจัยที่มีผลในการเห็นแสงออโรร่า ชัดไม่ชัดก็คือสภาพอากาศที่ตำแหน่งที่่เราอยู่ และสิ่งรบกวนแสงอื่นๆ เช่น แสงไฟจากเมือง แสงจันทร์ เมฆ เป็นต้น ยิ่งเป็นคืนเดือนมืด ฟ้าโปร่งเราก็จะเห็นออโรร่าได้ชัดยิ่งขึ้น ทั้งนี้เราสามารถตรวจสอบช่วงเวลาทีมืดที่สุดที่ตำแหน่งที่เราอยู่ได้ ที่นี่, หรือใช้แอพ sky guide

ฤดูกาลก็เป็นสิ่งสำคัญที่มีผลต่อการเห็นแสงออโรร่า เพราะจะมีบางเดือนที่สนามแม่เหล็กโลกยอมปล่อยให้อนุภาคจากดวงอาทิตย์วิ่งชนกับชั้นบรรยากาศได้มากกว่าปกติ เรียกว่า Equinox ซึ่งก็คือ ช่วงเดือน มีนาคม กับ เดือนกันยายน นั่นเอง ส่งผลให้โอกาสเห็นแสงออโรร่าจะมากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวครับ

รู้จักกับ EQUINOX

Equinox คือ วันที่ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งตรงได้ฉากกับเส้นศูนย์สูตรของโลกพอดี เพราะฉะนั้น ระยะเวลากลางวันจะเท่ากับกลางคืน ซึ่ง 1 ปีจะมีเพียง 2 ครั้ง โดยทั่วไปมักจะเกิดขึ้นในราววันที่ 21 มีนาคม ซึ่งหลายประเทศถือเป็นช่วงเข้าฤดูใบไม้ผลิ กับวันที่ 22 กันยายนของทุกปี ซึ่งถือเป็นช่วงเข้าฤดูใบไม้ร่วง จะเป็นช่วงที่สนามแม่เหล็กโลกยอมให้อนุภาพประจุจากดวงอาทิตย์ผ่านเข้ามาชนชั้นบรรยากาศได้มากที่สุด ส่งผลให้ช่วงเดือนมีนาคม กับ กันยายน เป็นช่วงที่เห็นแสงออโรร่าได้ชัดที่สุด

1. ไอซ์แลนด์

แสงเหนือ บนภูเขา Kirkjufell ในไอซ์แลนด์

ภาพถ่ายโดย Babak Tafreshi, National Geographic Creative

ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่ถึงไม่มีแสงเหนือก็ยังน่าไป เพราะมีทั้งธารน้ำแข็ง น้ำตก ภูเขาไฟ น้ำพุ อีกทั้งตำแหน่งที่ตั้งของประเทศก็เหมาะกับการชมแสงออโรร่า แต่น่าเสียดายว่าโดยทั่วไปแล้วสภาพอากาศมักจะไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่นัก ท้องฟ้ามีโอกาสจะโปร่งมากกว่าตามถนนเลียบชายฝั่งรอบๆประเทศ ผู้เขียนบทความบอกว่าเคยเห็นแสงออโรร่าที่ดีที่สุดบริเวณภูเขา Kirkjufell  ทางชายฝั่งด้านตะวันตก ในบางวันที่อนุภาคจากดวงอาทิตย์มีความแรงสูง สามารถมองเห็นแสงออโรร่าได้จากจุดชมวิวยอดนิยมที่ประภาคาร Grotta ในเมือง Reykjavík ได้เช่นกัน

เวลาที่เหมาะในการไปชม : ปลายเดือนสิงหาคมไปจนถึงต้นเดือนเมษายน

2. เมือง FAIRBANKS, อลาสก้า

เมือง Fairbanks, Alaska ,ภาพถ่ายโดย Accent Alaska.com/Alamy

เมือง Fairbank เป็นจุดที่ดีที่สุดในการชมแสงเหนือในประเทศอเมริกา ตัวเมืองอยู่ไม่ไกลจากสนามบินและใกล้กับอุทยานแห่งชาติ Denali National Park อีกทั้งที่นี่มีระบบคาดการณ์สภาพอากาศ และมีทัวร์สำหรับพานักท่องเที่ยวออกห่างแสงรบกวนในเมืองเพื่อไปชมแสงเหนือด้วย

เวลาที่เหมาะในการไปชม : ช่วงปลายสิงหาคมไปจนถึงกลางเมษายน

3. เมือง YELLOWKNIFE, แคนาดา

แสงเหนือ Prosperous Lake ในเมือง Yellowknife, แคนาดา ภาพถ่ายโดย Don Johnston_NC/Alamy

เมือง Yellowknife เป็นเมืองหลวงของฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของแคนาดา ริมชายฝั่งทะเลสาบ Great Slave ที่นี่เค้ามีการสร้างเป็นหมู่บ้านออโรร่าขึ้นมา พร้อมด้วยทัวร์กิจกรรมชมแสงเหนือแคนาดาเป็นเหมือนสรวงสวรรค์แห่งการชมแสงออโรร่า เพราะตั้งอยู่ในตำแหน่งพิกัดที่เหมาะสม และมีมลภาวะทางแสง ที่จะมารบกวนน้อย จุดชุมอื่นๆที่แนะนำก็ได้แก่ อุทยานแห่งชาติ Wood Buffalo และอุทยานแห่งชาติ Jasper

เวลาที่เหมาะในการไปชม : ช่วงกลางเดือนสิงหาคมไปจนถึงปลายเมษายน สำหรับ Churchill และ Wood Buffalo ช่วงที่เหมาะคือต้นเดือนสิงหาคมไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม

4. เมือง TROMSØ, นอร์เวย์

แสงออโรร่าเหนืออ่าวใกล้เมือง Tromsø, นอร์เวย์. ภาพถ่ายโดย Babak Tafreshi, National Geographic Creative

เมืองใหญ่สุดทางด้านเหนือของนอร์เวย์ มีวิวสวย มีฟยอร์ด (Fjord) มีเทือกเขา Lyngen Alps เป็นส่วนประกอบในการชมแสงออโรร่า ผู้เขียนบทความบอกว่าเคยเห็นแสงสวยๆ ที่ หมู่บ้าน  Ersfjordbotn, ระยะห่าง 20 กิโลเมตร จากเมือง Tromsø. บริเวณอื่นๆ ที่แนะนำในการชมก็คือก็คือ Lofoten Islands และเมือง Alta , Nordkapp, และ Kirkenes.

เวลาที่เหมาะในการไปชม : กลางเดือนกันยายนไปจนถึงกลางเดือนมีนาคม

5. ทางเหนือของสวีเดน กับฟินแลนด์

​​แสงเหนือที่พบทางภาคเหนือของสวีเดน
ภาพถ่ายโดย Babak Tafreshi, National Geographic Creative

เมือง Kiruna ทางตอนเหนือของสวีเดน เป็นเหมือนประตูเข้าชมแสงออโรร่า มีทั้งภูเขา โรงแรมที่ทำจากน้ำแข็ง  อุทยานแห่งชาติ Abisko วัฒนาธรรมท้องถิ่น Sami culture, และกวางเรนเดียร์ . เพียงขับรถออกไปนอกเมืองไม่ไกลคุณก็สามารถหาจุดชมแสงออโรร่าดีๆ ได้  อีกทั้งสภาพอากาศที่นี่จะค่อนข้างคาดเดาง่ายกว่าทางชายฝั่งทางนอร์เวย์ แต่อากาศก็หนาวเย็นกว่าด้วย

เมือง Rovaniemi ในเขต Lapland ทางตอนเหนือของ ฟินแลนด์  เป็นจุดที่ดีในการเข้าถึงอุทยานแห่งชาติหลายๆแห่ง ในฤดูหนาวเราสามารถเห็นหิมะแข็งเกาะคลุมต้นไม้ที่เรียกว่า Tykky sculptures คู่ไปกับแสงเหนือ

เวลาที่เหมาะในการไปชม : กลางเดือนกันยายน จนถึงปลายมีนาคม

6. กรีนแลนด์

ภาพถ่ายเมฆกับแสงออโรร่าเหนือภูเขาน้ำแข็งบริวเณทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรีนแลนด์ ภาพถ่ายโดย Richard McManus, Getty Images

แน่นอนว่าการเดินทางขึ้นไปทางเหนือของกรีนแลนด์มีโอกาสจะเห็นแสงออโรร่ามากกว่า แต่ถ้าลองเดินทางลงมาทางใต้ดูก็จะมีจุดชมแสงเหนือที่สามารถจะเห็นภูเขาน้ำแข็งขนาดเล้กได้แม้แต่ในช่วงฤดูร้อน

เวลาที่เหมาะในการไปชม : กลางเดือนสิงหาคม ไปจนถึงช่วงปลายเดือนเมษายน สำหรับทางใต้ และ ปลายเดือนสิงหาคมไปจนถึงกลางเดือนเมษายน สำหรับเมือง Nuuk

7. TASMANIA และ ทางใต้ของนิวซีแลนด์

แสงใต้ที่ Tasmania, ออสเตรเลีย. ภาพถ่ายโดย Yuichi Takasaka

ปกติเรามักจะได้ยินคนพูดถึงแสงเหนือมากกว่าแสงใต้ เพราะว่าทางใต้มีตำแหน่งที่จะเห็นได้ไม่มากนัก นอกเหนือจากแอนตาร์กติกาแล้วสถานที่ที่มีโอกาสเห็นมากที่สุดก็คือปลายสุดทางใต้ของ Tasmania (ประเทศออสเตรเลีย) และทางใต้สุดของนิวซีแลนด์  ในวันทีท้องฟ้ามืด เราสามารถจะเห็นแสงออโรร่าได้ที่ของฟ้าทางทิศใต้

เวลาที่เหมาะในการไปชม : ไปได้ตลอดปี แต่โอกาสดีที่สุดคือช่วงใกล้ Equinox ก็คือช่วง มีนาคม กับ กันยายน

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

อ้างอิงจากบทความเรื่อง 7 Magical Places to View Auroras โดย Babak A. Tafreshi  บน Website National Geographicเผยแพร่เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2017